โรคพิษสุนัขบ้าคืออะไร
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นเชื้อไวรัสที่จู่โจมประสาทส่วนกลางทำให้เกิดโรคทางระบบประสาท และในหลายกรณีทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ การติดเชื้อแพร่ผ่านทางน้ำลายเข้าสู่บาดแผล ปากหรือดวงตา มักเกิดจากการถูกสัตว์กัด ซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดสามารถติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ แต่มีสัตว์เพียงไม่กี่ประเภทที่เป็นพาหะของโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่ สุนัข แมว ค้างคาว สกั๊งค์และสุนัขป่า
จะป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างไร
ข่าวดีเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าคือ สามารถป้องกันได้ 100% หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ แนะนำให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันก่อนได้รับโรคพิษสุนัขบ้าโดยการฉีดวัคซีนหลายเข็มเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีความเสี่ยงจากการเล่นกับสัตว์และไม่ได้ตระหนักถึงโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อถูกสัตว์กัดและมักไม่แจ้งผู้ปกครองเมื่อถูกสัตว์ข่วน ถึงแม้โรคพิษสุนัขบ้าจะหลีกเลี่ยงได้ แต่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (the Centers for Disease Control and Prevention ; CDC) รายงานว่าคนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าถึง 55,000 รายต่อปี โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกา ถึงแม้โรคพิษสุนัขบ้าจะป้องกันได้ด้วยวิธีการทางการแพทย์แต่ทางที่ดีคือการเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ซึ่งมีวิธีการดังต่อไปนี้
ควรทำอย่างไรหากถูกสัตว์กัด
หากถูกสัตว์จรจัดกัด ให้ทำความสะอาดบาดแผลทันทีด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หลังจากนั้นให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะบอกได้ว่าผู้ที่ถูกกัดจำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือที่เรียกว่ายาป้องกันหลังสัมผัสสัตว์ (post-exposure prophylaxis; PEP) หรือไม่ โดยวินิจฉัยจาก
สัญญาณและอาการของโรคพิษสุนัขบ้ามีอย่างไรบ้าง
สัญญาณและอาการของโรคพิษสุนัขบ้าในระยะเริ่มแรกมีความคล้ายคลึงกับอาการไข้หวัดใหญ่ ซึ่งรวมถึงเป็นไข้ ปวดหัวและความรู้สึกไม่สบายตัวติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน และอาจรู้สึกแสบร้อนและคันบริเวณที่ถูกกัด อาการเหล่านี้จะพัฒนาไปสู่ระยะที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดยผู้ป่วยจะมีอาการแสดงออกถึงการทำงานของสมองที่ผิดปกติ กระวนกระวาย สับสนและหงุดหงิด เมื่อความรุนแรงของโรคดำเนินต่อไป ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน มีพฤติกรรมที่แปลกไป ประสาทหลอนและนอนไม่หลับ หากผู้ป่วยปรากฎอาการของโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว โอกาสรอดชีวิตมีน้อยมากและแพทย์มักใช้การดูแลรักษาแบบประคับประคอง